top of page

Recital

Tread - Senior Percussion Recital

About each pieces

Tread: News

Russian Marimba Concerto

Sergei Golovko

I. Untold Legends ( Allegro resoluto, ma non tanto )

II. Stories of Old ( Lento )

III. The Fair “Maslenitsa” ( Allegramente di bravura )

sergei.jpg

บทเพลงที่ผมจะนำมาเเสดงคือ Russian Marimba Concerto โดยจะมีทั้งหมด 3 ท่อนใหญ่ได้เเก่ I. Untold Legends

( Allegro resoluto, ma non tanto ), II. Stories of Old ( Lento ), III. The Fair “Maslenitsa” ( Allegramente di bravura )

โดยในเเต่ละท่อนผู้แต่งได้สอดแทรกเรื่องราวปรัมปรา และประวัติศาสตร์เรื่องเล่าต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรัสเซียเป็นแรงบันดาลใจ

ผมจึงนำมาต่อยอดด้วยการตีความเเละเเทนตัวเองเข้าไปอยู่ในสถาณการณ์ต่างๆที่เป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวทั้งหมด


สำหรับท่อนแรกตัวผู้ประพันธ์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิทานพื้นบ้านที่ถูกเล่าขานกันมาอย่างยาวนาน ตัวผู้ประพันธ์เองก็ยกตัวอย่างถึงตำนานของ Ilya อัศวิน และนักบุญคนสำคัญในตำนานรัสเซีย ซึ่งตัวเพลงนั้นมีท่อนที่ระทึกใจ สื่อถึงความเป็นสงคราม

และท่อนที่ไพเราะสื่อถึงความสงบสุขที่เป็นพื้นฐานของคนรัสเซีย ผมจึงนำแนวคิดนี้มาตีความเพิ่มเติม และสร้างเรื่องเล่าจากมัน


ในการตีความ ผมจะเเทนตัวเองเป็นนักรบที่ชื่อ Ilya Murom ซึ่งเขาเป็นอัศวินโต๊ะกลมของรัสเซีย (Bogatyrs) ที่มีพลังเหนือธรรมชาติ เเละเป็นตำนานเล่าขานชองประเทศรัสเซียมาอย่างยาวนาน ในท่อนนี้เองจะพูดถึงการเดินทางไปสู้รบของนักรบคนนี้เพื่อที่จะเเย่งชิงเมือง Kiev จากการตกเป็นเมืองขึ้นของชาติอื่น ก่อนอื่นผมจะเเบ่งช่วงเวลาออกเป็นทั้งหมด 3 ช่วงเวลา 

Tread: Text
ilya murom.jpg
  • ในช่วงเริ่มต้น( ห้องที่ 1- 49 ) Ilya Murom เป็นนักรบที่มีฝีมือเก่งกาจเเละเป็นองค์รักษ์ของกษัตริย์ Vladimir Svyatoslavich อยู่มาวันนึง Ilya Murom  ได้รับคำสั่งจากกษัตริย์ Vladimir Svyatoslavich ซึ่งเป็นกษัตริย์ของเมือง Kievในตอนนั้น เเต่พระองค์ท่านกลับถูกยึดเมือง Kiev โดยกลุ่มนักรบนิรามจึงทำให้ต้องย้ายถิ่นฐานมาฟื้นฟูตัวเองเป็นเวลาสักพัก กษัตริย์ Vladimir Svyatoslavich พระองค์นี้ได้มีความสำคัญกับ Ilya เพราะก่อนที่ Ilya Murom จะได้มาเป็นนักรบเขาได้พบเจอกับทหารองค์รักษ์มือขวาของกษัตริย์ Vladimir Svyatoslavich องค์รักษ์ท่านนี้เองที่เป็นคนมอบพลังที่แข็งแกร่งเกินกว่ามนุษย์ทั่วไป องค์รักษ์ท่านนี้ก็ยังได้บอกกับ Ilya Murom ว่า เมื่อ Ilya Murom ได้พลังไปเเล้ว ขอให้ Ilya Murom  นั้นเข้ารับตำแหน่งองครักษ์เพื่อปกป้องกษัตริย์ Vladimir Svyatoslavich เพื่อทำหน้าที่แทนตัวของท่านองค์รักษ์ จึงเป็นเหตุผลให้ Ilya Murom จำเป็นต้องเข้าไปรับใช้กษัตริย์พระองค์นี้โดยไม่อาจปฏิเสธได้ และในขณะที่ Ilya ทำหน้าที่ปกป้องกษัตริย์  Vladimir Svyatoslavich อย่างเต็มกำลังอยู่นั้น วันหนึ่ง Ilya Murom ได้รับคำสั่งให้ไปรวบรวมกำลังพล เพื่อทำศึกยึดเมือง Kiev จากการถูกเป็นเมืองขึ้นของกองกำลังไร้ดินเเดน เมือง Kiev มีความสำคัญต่อประเทศมากเพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการสู้รบเเละรวมถึง การเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ เเละมีธุจกิจการค้าเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดเมืองหนึ่งในแถบนั้น Ilya Murom จึงต้องจัดหากำลังพลเพื่อเข้ายึดเมืองตามที่กษัตริย์ Vladimir Svyatoslavich ได้รับสั่งไว้ แต่ในขณะที่ Ilya Murom กำลังหากำลังพล Ilya Murom เพิ่งพบกับปัญหาใหญ่ เพราะเมืองของเขานั้น ไม่ได้ทำศึกสงครามมาเป็นเวลานาน กำลังพลจึงไม่ได้มีการฝึกซ้อมเพื่อเตรียมออกสู้รบ Ilya Murom จึงจำเป็นต้องฝึกการรบให้แก่ทหารทุกนายอย่างเข้มข้นเเละรวบรัดมากที่สุด เพื่อที่จะเข้ายึดเมือง Kiev ให้ได้เร็วที่สุดก่อนที่ศัตรูจะรู้ข่าวถึงการยกทัพมาทำศึกของ Ilya Murom ในการตีความของผมในท่อนนี้ ทำนองหลักจะเป็นเขบ็ตสองชั้นที่จะมีความเร็วเเละมีความหึกเหิมเพราะมีการเน้นจังหวะหนักในตัวโน๊ตที่เป็นจังหวะยกเพื่อนำไปสู่ตัวโน๊ตในจังหวะตกในจังหวะถัดไป ทำให้รู้สึกถึงการเดินไปข้างหน้า ในช่วงห้องที่ 14 - 31 นั้นให้ความรู้สึกเหมือนกลองรบที่ลั่นเวลาเรากำลังออกทัพจะทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนเราก้าวไปข้างหน้าอยู่เรื่อยๆ ในตัวผู้เล่นก็จะมีความเเข็งกร้าวของการเน้นตัวโน๊ตเพราะเราต้องเค้นความรู้สึกเเละเเสดงออกถึงการเดินหรือการก้าวที่ชัดเจน เเละรวมถึงตัวละครที่กำลังเดินหน้าไปพร้อมๆกับกองทัพของ Ilya Murom ต่อมาในห้องที่ 33 - 49 จะเป็นท่อนที่บรรยายบรรยากาศระหว่างการเดินทางว่า Ilya Murom ได้ไปเจอกับทัศนียภาพเเละภูมิประเทศต่างๆ ที่เเปลกใหม่เเละมีความงดงามของธรรมชาติที่  Ilya Murom ได้เดินทางผ่าน เพราะในตัวดนตรีเองนั้นก็ยังคงดำเนิน เขบ็ตสองชั้นอยู่เเต่กลับกลายเป็นว่าเเนวดนตรีได้เปลี่ยนสีต่างไปจากตอนต้น ถึงเเม้โน๊ตที่เล่นเขบ็ตสองชั้นจะเยอะเเต่จะมีโน๊ตที่เป็นเสียงประสานหรือทำนองหลักของท่อนซ่อนอยู่ในเเต่ละการเน้นของตัวโน๊ตในท่อนนี้รวมถึงสัดส่วนของโน้ตที่เปลี่ยนไปในท่อนนี้

Tread: Bio
2806e959cf484ee381abb7260b7a76b7.jpg
  • ในข่วงต่อมา( barที 50 - 149 )ในระหว่าง Ilya Murom เดินทางไปยังเมือง Kiev เนื่องจากเมืองที่ Ilya Murom อยู่กับเมืองที่กำลังจะไปทำการต่อสู้นั้นอยู่ไกลกันมากต้องใช้เวลาหลายอาทิตย์กว่าจะถึงในระหว่างทาง ในช่วงนี้จะอยู่ในห้องที่ 50 - 88 ตัวดนตรีนั้นจะให้นัก เล่นเดี่ยวจะป็นตัวเสริมโครงสร้างทำนองของ เสียงประสานที่ถูกเล่นโดยวงเครื่องสายจะให้บรรยากาศเหมือนกับการที่เรามองภูมิทัศน์ต่างๆโดยรอบว่ามีองค์ประกอบของอะไรบ้างเช่นมีขบวนของทหารที่กำลังไปสู้รบ กำลังเดินผ่านเทือกเขาต่างๆที่มีต้นไม้เขียวปกคลุม        ต่อจากนั้น  Ilya Murom ก็พบกับกองกำลังไร้ดินเเดนจำนวนนึง Ilya Murom ก็ได้ทำการต่อสู้กันเเละเขาได้เสียกำลังพลไปส่วนนึงตัวเขาเองได้เริ่มรู้สึกที่จะท้อเเต่ Ilya Murom ก็เริ่มพูดปลุกใจให้ทุกคนมีเเรงพลักดันขึ้นมาอีกครั้งโดยในจุดนี้ก็จะเป็นนักเเสดงเดี่ยวเล่นในท่อนที่รู้สึกฟรีเเละมีความเป็นตัวเองสูงสุด อีกทั้งตัวละครยังเเสดงออกถึงคำพูดต่างๆที่ได้พูดในการปลุกใจ รวมถึงคนเล่นที่เเสดงผ่านบทเพลงที่เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด  เเละเมื่อใกล้ที่จะถึงเมือง  Kiev  Ilya Murom ได้ทำการตั้งเเคมป์เพื่อให้ กองพลของ Ilya Murom ได้พักผ่อนเพื่อที่จะได้มีเเรงในการสู้เเย่งชิงเมือง Kiev กลับมาคืน ในคืนนั้นเอง Ilya Murom ก็ได้ฝันเห็นภาพว่า Ilya Murom ได้ไปถึงเมือง Kiev เเละทำการสู้รบกันอย่างดุเดือดอีกทั้งยังได้เจอกับศัตรูที่ร้ายจากเเละมีผีมือมาก เพราะคนที่ Ilya Muromต่อสู้ด้วยก็คือนักรบที่มีฝีมือที่สุดของ กองทัพฝังศัตรู สุดท้าย Ilya Murom ก็ได้ชัยชนะมา พอ Ilya Murom ฝันเสร็จเขาก็ได้เรียกมือซ้ายมือขวาของเขามาเพื่อบอกนิมิตรหมายอันนี้ถึงเเก่ชัยชนะในศึกที่กำลังจะเกิดขึ้น เเละ Ilya Murom ก็ได้พูดปลุกใจในกองทหารทำให้เหล่าทหารมีกำลังใจในการสู้ศึกครั้งนี้มากขึ้น สำหรับช่วงเวลานี้ก็จะเปรียบเหมือนห้องที่ 89 - 149 เนื่องจากมีการเล่น ทำนองที่ไพเราะให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังฝันหรือจินตนาการร่วมไปกับบทเพลง อีกทั้งยังมีการเล่นทำนองหลักร่วมกันระหว่างนักเเสดงเดี่ยวกับวงเครื่องสาย ทำให้มีความรู้สึกหนักเเน่นของทำนองอย่างชัดเจน

Tread: Bio
kulikovskaya-bitva-m.jpg
  • สุดท้าย( barที่ 150 - 211 )เช้าต่อมา Ilya Murom ได้ตื่นขึ้นมาเเต่เช้าตรู่เเละพร้อมที่จะออกรบ ต่อมา Ilya Murom ได้สั่งให้กองกำลังเคลื่อนพลเพื่อเตรียมการเข้าตี ในตอนนี้ในเเนวดนตรีจะเดินเป็นเเนวตั้งเพื่อให้เหมือนในช่วงเเรกที่จะมีการเดินขบวนพร้อมที่จะสู้รบเเต่จะเพิ่มโน้ตหกพยางค์ที่เล่นเป็นบันไดเสียงที่มีระดับขั้นของเสียงห่างกันครึ่งเสียงเรียงลำดับกันไปทุกขั้นทำให้มีความรู้สึกถึงการขับเคลื่อนไปข้างหน้า เมื่อ Ilya Murom ได้เดินทางมาถึงที่เมือง Kiev เขาก็ได้เข้าต่อสู้กับพลทหารที่เข้ามาขัดขวางเขาจนทำให้กำลังพล Ilya Murom ค่อยๆ สูญเสียไปเรื่อย เเต่เรื่องที่เค้าได้จินตนาการไว้ก็ได้มาถึงคือการที่เค้าได้พบกับคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือเก่งกาจเเละมีฝีมือพอๆกับ Ilya Murom ทำให้ Ilya Murom ใช้เวลาพักใหญ่ในการสู้เเละยังได้รับบาดเเผลหลายที่ เเต่ในที่สุดเเล้วนักรบคนนั้นก็พลาดท่าให้กับ Ilya Murom จนทำให้ Ilya Murom จัดการกับนักรบคนนั้นได้สำเร็จ เเละ   Ilya Murom ก็ได้เอาธงที่ได้รับมาจากกษัตริย์  

  • Vladimir Svyatoslavich มาเเขวนไว้ที่ใจกลางเมืองได้สำเร็จ เเละในช่วงสุดท้ายของท่อนจะมีการเล่นในรูปเเบบเดียวกันซ้ำวนไป เเต่จะเปลี่ยนตัวโน้ตต่อไปเรื่อยๆในเเต่ละท่อน ทำให้ความรู้สึกเหมือน ตัวละครกำลังจดจ่อกับการทำสิ่งใดสิ่งนึงที่มีความสำคัญมาก ในจุดนี้คือการที่ Ilya Murom ได้สู้กับศัตรูที่เก่งกาจ

  • สุดท้ายตัวนักเเสดงเดี่ยวก็ต้องเล่นโน้ตในจุดนี้ให้รู้สึกถึงความที่เราก้าวเพื่อให้ความสำคัญกับโน้ตที่กำลังจะเปลี่ยนไปเเละค่อยๆสร้างอารมณ์ให้ตัวบทเพลงมีสีที่เปลี่ยนไปตามเเต่ละตัวโน้ต

Tread: Bio
Tread: Pro Gallery

ท่อนที่ 2 นี้ ผู้ประพันธ์ได้ใช้ทำนองเพลงของทาสในยุคก่อนมาใช้ นำเสนอกับ Harmony สมัยใหม่เพื่อจะนำเสนอความเจ็บปวดของการเป็นทาสและความหวังในการมีชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งการพูดถึงทาสในยุคนั้นโดยผมจะนำความรู้สึกของทาสมาอธิบาย

ให้ป็นความรู้สึกผ่านบทเพลงสอดคล้องกับวิธีที่การประพันธ์


ก่อนอื่นในยุคที่รัสเซียเป็นอาณาจักร์ที่ยิ่งใหญ่ก็จะมีการปกครองโดยเจ้าเมือง ขุนนางต่างๆที่มีศักดิ์นา เเละที่ดินมากมาย

ทำให้กำเนิดชนชั้นๆนึงที่เรียกว่าทาสโดยชนชั้นนี้เริ่มมาจากชนชั้นเเรงงานเเละกลับกลายมาเป็นทาสหรือเเม้กระทั้งการที่เรา

ได้เเต่งงานกับทาสก็จะทำให้เรานั้นตกไปอยู่ในชนชั้นทาส  ในช่วงนั้นก็เริ่มมีทาสมากขึ้นเพราะในสมัยนั้นทาสเป็นสิ่งถูกกฏหมายเเละสามารถซื้อหรือขายทาสได้ ต่อมาก็เริ่มมีการค้าทาสกันระหว่างเมืองระหว่างประเทศได้


โดยการเป็นทาสนั้นเราจะขึ้นตรงกับขุนนางหรือเจ้าเมืองโดยตรง เเละเจ้านายของทาสก็สามารถจะทำอะไรกับทาสก็ได้

โดยไม่มีข้อยกเว้น ทำให้ในช่วงเวลานั้นทาสรู้สึกหดหู่เเละเจ็บปวดอย่างมากเนื่องจากไม่ได้รับการดูเเลที่ดี อีกทั้งเมื่อทำอะไรที่ผิดหรือไม่เข้าตาขุนนางก็จะถูกสั่งประหารชีวิต ทำให้ช่วงเวลานั้นทาสรู้สึกถึงการใช้ชีวิตอย่างทรมานเเละเศร้าเป็นอันมาก


ยิ่งนับวันนานเข้าชีวิตของชนชั้นทาสก็เริ่มที่จะทุกข์ลงไปมากจนทาสพวกเขาไม่สามารถมองเห็นอนาคตข้างหน้าของเขาได้เลยอีกทั้งยังมีความอึดอัดในใจเเละอยากละบายกับใครบางคนเเต่ทำไม่ได้ เเต่เเล้วก็มีอยู่ช่วงนึงที่ทาสเริ่มรวมกลุ่มหลังจากเวลาเลิกงาน

เเละพวกเขาก็ได้มาเเลกเปลี่ยนความทุกข์ของพวกเขาภายในกลุ่มซึ่งพวกเขาก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาเนื้องจากมีคนที่รู้สึกเหมือนกัน

เเละคอยเป็นที่ระบายเเละปลอบกันได้ นับวันกลุ่มยิ่งใหญ่ขึ้นทำให้อยู่มาวันนึงพวกเขาก็เริ่มที่จะคาดหวังว่าต่อจากนี้

พวกเขาจะได้พบกับการใช้ชีวิตที่ดีเเละมีอนาคตตามมาในภายภาคหน้า

ในท่อนของเพลงจะเริ่มจากห้องเเรกจนถึงห้องที่ 27 จะเป็นเเนวดนตรีหลักของท่อนที่จะเปิดมาพร้อมกับอารมณ์ที่รู้สึกบีบคั้นหัวใจทั้งในตัวคนเล่นเเละเเละความรู้สึกของทาสที่รู้สึก ในห้องที่26 จนถึง 77 จะเป็นท่อนที่สง่างามคือจะเปรียบเป็นความสง่าของขุนนางต่างๆที่มีการอวดโอ้ถึงทาสในการรับใช้ของตน โดยท่อนนี้จะเล่นเป็น 6 พยางค์ที่มีการเน้นเเนวทำนองที่มาจากเเนวเบส ในท่อนถัดไปก็จะเป็นการที่ทาสเริ่มมีการขัดขืนเเละเริ่มที่จะใช้ความคิดของตัวเองมากขึ้นทำให้เริ่มมีการเห็นต่างเเละต่อต้านกับชนชั้นที่เป็นทาสในท่อนนี้เเนวดนตรีจะเป็นการเล่นคอร์ดย้ำๆ เเละมีความเเข็งกร้าของพลังในการเล่นที่มาก ในช่วงถัดมาจะเป็นช่วงที่นักเเสดงเดี่ยวได้เเสดงคนเดียว จะเป็นการเล่นโน้ตคู่เเปดไล่ลงมาเป็น ลำดับ (sequence) ทำให้โน้กที่เล่นดูมีการก้าวเดินไปข้างหน้าของตัวโน้ตอย่างมีเเบบเเผน ในช่วงสุดท้ายก็จะเป็นท่อนที่โน้ตส่วนใหญ่จะเป็นเป็นโน้ตลากยาว เเละเคลื่อนไปตามรูปเเบบของคอร์ดที่มีฟอร์มมาจากตอนต้นของท่อน ซึ่งท่อนนี้จะเป็นท่อนที่บอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่ทาสจะมีความคาดหวังว่าพวกเขาจะมีอนาคตที่ดีเเละใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในอนาคต

gettyimages-599906863.jpg
Tread: Text

ท่อนที่ 3 ผู้ประพันธ์ได้ใช้คำว่าThe Fair “Maslenitsa” เเละยังได้กว่าวถึงคำว่า rite of spring

ในการอธิบายเพลงในท่อนนี้ แต่ rite of spring นี้ไม่ได้เกี่ยวกับบัลเลต์ของสตราวินสกี้แต่อย่างใด

แต่เป็นความหมายสื่อถึงพิธีกรรมเฉลิมฉลองเตรียมตัวรับฤดูใบไม้ผลิที่เฝ้ารอมาอย่างยาวนาน


ในท่อนนี้เองเนื่องจากผู้ประพันธ์ได้กำเนินที่ประเทศรัสเซียมาเเต่กำเนินเเละเขาได้พบเจอกับประสบการณ์ในฤดูหนาว

ที่ประชาชนในประเทสไม่สามารถทำอะไรได้มากเท่าที่ควรเนื่องจากฤดูหนาวที่นี้ไม่สามารถจะปลูกหรือทำการเกษตรอะไรได้เลยเนื่องจากหิมะปกคลุมพื้นที่โดยรอบหมด 


เมื่อก่อนหลังจบสงครามโซเวียสจะมีเทศการนึงที่เพิ่งได้กลับมาเเละจารึกเป็นเทศกาลที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบันนั้น

คือเทศกาล Maslenitsa เป็นเทศกาลเกี่ยวกับการสิ้นสุดฤดูหนาวผมจึงจะเเทนตัวผมลงไปเล่าเกี่ยวกับสถาณการณ์

ที่ผมได้อยู่ในเทศกาลนี้เเละมาบอกเล่าให้ทุกคนได้รับฟังผ่านบทเพลงในท่อนสุดท้ายนี้ครับ


ก่อนอื่นเลยเทศกาลนี้จะทำกันเฉพาะผู้ที่ถือศาสนาคริสต์เท่านั้น เเละจะจัดขึ้นเป็นเวลา 3 อาทิตย์ ในเเต่ละอาทิตย์ก็จะมีกิจกรรม

ที่ไม่เหมือนกัน ในอาทิตย์เเรกเรานั้นจะเรียกว่าอาทิตย์กินเพราะเราจะกินสิ่งที่อยากกินเเต่เราจะเน้นของกินที่มีลักษณะเป็นทรงกลมเพราะมันจะสื่อถึงพระอาทิตย์เรามักจะกินเเพนเค้กหรือเค้กต่างๆกันในอาทิตย์นี้ ซึ่งในอาทิตย์เเรกจะเป็นอาทิตย์ที่รื่นเริงมากที่สุดเพราะผู้คนจะมักเอาเค้กหรือขนมมาเเบ่งกัน ในอาทิตย์ต่อมาเราจะให้อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์ถือศีลเรามักจะถือศีลวันเว้นวันจนกว่าจะหมดอาทิตย์ ส่วนในอาทิตย์สุดท้ายเราจะเรียกมันว่าวันหยุดเเต่เราจะเร่งกันทำงานกันให้เสร็จหลังจากเราไม่ได้ทำงานกันมาหลายวัน เราจะทำงานกันใน 3 วันเเรกเเละอีกวันถัดมาเราจะจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ที่ชื่อว่า Wide Maslenitsa

คือจะเป็นงานฉลองการอำลาฤดูหนาวที่ยิ่งใหญ่มาก โดยอีก3วันที่เหลือเราจะหยุดพักผ่อนอยู่บ้านกับครอบครัว

ในห้อง 1 จนถึงห้องที่ 52 จะเป็นโน้ตเขบ็ตสองชั้นที่ในจังหวะหลักจะเป็นโน้ตหลัก เเละยังเป็นทำนองไปในตัว โดยที่บางทีโน้ตหลักอาจจะไม่ใช่อยู่ในจังหวะหลักเสมอไปเเต่ในเเนวของนักเเสดงเดี่ยวจะเป็นการเล่นทำนองรองจากวงเครื่องสาย ในท่อนนี้จะสื่อถึงการที่เรารู้สึกรื่นเริงในงานเทศกาลเนื่องจากเทศกาลนี้มักให้ผู้คนออกมารื่นเริงสังสรรค์กันเเต่ก็สอดเเทรกไปด้วยความสวยงามเเละมีเสน่ห์ของเทศกาล เเละท่อนต่อมาในห้องที่ 98 - 130 ในตรงนี้ก็จะเป็นการไล่โน้ตในรูปเเบบของ ลำดับ(sequence) ซึ่งก็เปรียบเสมือนกับวันในเเต่ละวันของเทศกาลที่ผ่านไปข้างหน้าในเเต่ละวัน ต่อมา ห้องที่ 225 - 288 เป็นท่อนที่มีการเปลี่ยนสีต่างจากช่วงเเรกๆเนื่องจากในท่อนนี้มีการใช้คีย์ซิกเนเจอร์ ที่มาจากช่วงเเรกเเล้วได้ เปลี่ยนไปยังอีกคีย์ซิกเนเจอร์ ทำให้สีของเพลงดูสว่างขึ้น ในที่นี้หมายถึงการที่ทำให้ความรู้สึกของเรานั้นมีการปรื้มปิติ โดยที่ถ้าคนฟังไม่เคยฟังหรือเล่นบทเพลงนี้มาก่อนก็จะรับรู้ได้ถึงความสว่างในรูปเเบบของเสียง ทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้ท่อนนี้สว่างคือ ในเทศกาลนี้วันสุดท้ายจะมีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ เพื่ออำลาฤดูหนาว ผู้ประพันธ์จึงเล็งเห็นว่าตัวเเทนของเทศการนี้คือขนมเเพนเค้กที่สื่อความหมายดุจพระอาทิตย์ที่ส่องเเสงอารามบนท่องฟ้าให้ความอบอุ่นเเก่โลก จึงมีเหตุที่ว่าทำไมในตอนจบของท่อนนี้จึงต้องดูสว่างเเละเป็นเสียงที่อบอุ่นไปในตัว

11.jpg
Tread: Text
bottom of page